หมอของขวัญ นำทีมบุกทำเนียบ ยื่นข้อเรียกร้องเรื่องวัคซีนไฟเซอร์
วันนี้ 3 สิงหาคม 2564 เวลา 10:45 น. โดยประมาณ พ.ญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ และคุณหมอทศพร นำทีมบุกทำเนียบรัฐบาล เพื่อยื่นข้อข้อเรียกร้องเรื่อง การจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ 1.503 ล้านโดสโดยได้เรียน พลเอก.ประยุทธ์ จันทร์โอชาในฐานะนายกรัฐมนตรีและผู้อำนวยการศบค. นาย อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข น.พ. โอภาส การย์กวินพงศ์ ผู้อำนวยการกรมควบคุมโรค และผู้มีอำนาจเกี่ยวข้องกับการจัดสรรวัคซีนไฟเซอร์ล็อต1.503 ล้านโดสจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งข้อเรียกร้องดังกล่าวระบุว่า

เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด19 ที่รุนแรงในขณะนี้ เจ้าหน้าที่ด่านหน้า บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้อง รวมถึงจิตอาสา อาสาสมัคร พนักงานขับรถ แม่บ้าน สัปเหร่อ ทั้งในและนอกระบบ รวมถึงคนในครอบครัวทุกคน ล้วนแล้วแต่ทุ่มเททำงานอย่างหนัก ภายใต้ชุดPPEและอุปกรณ์ป้องกันตัวหลายชั้น แต่การป้องกันก็ยังบอบบางเกินกว่านักรบเสื้อกาวน์จะรบในสงครามโรคระบาดครั้งนี้ได้ ข้าพเจ้า พ.ญ. ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ จึงได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึงท่านผู้มีอำนาจ เพื่อเรียกร้องให้

1. ยกเลิกกฎเกณฑ์ต่างๆกับบุคคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าในการได้รับวัคซีนไฟเซอร์ ลอต1.503 ล้านโดสที่ได้รับบริจาคมาจากสหรัฐฯ “โดยไม่ยกเว้นบุคคลที่เคยปฏิเสธการรับวัคซีนซิโนแวคก่อนหน้านี้ ไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ” โดยทางสหรัฐฯได้ระบุว่า ความต้องการในการบริจาควัคซีนครั้งนี้ ต้องการให้วัคซีนกับกลุ่มเสี่ยงสูงและกลุ่มเปราะบางอย่างทั่วถึง โปร่งใส รวดเร็ว และเท่าเทียม

2. นับรวมบุคลากรด่านหน้าผู้ที่เข้าเกณฑ์ได้รับวัคซีนไฟเซอร์ “ทั้งในและนอกระบบ” เนื่องจากในสภาวะนี้ เราต้องยอมรับว่า อาสาสมัครและภาคเอกชนที่ทำงานเสี่ยงสูง สัมผัสผู้ป่วยโดยตรง โดยไม่อยู่ในระบบ และไม่ผ่านหน่วยงานราชการนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก และเขาเหล่านั้นมีส่วนสำคัญอย่างมาก ในการช่วยชีวิตพี่น้องประชาชน ไม่ต่างกับหน่วยงานด่านหน้าในระบบและพิจารณากลุ่มที่เสี่ยงสูงที่ไม่เข้าเกณฑ์เช่น ทันตแพทย์ คนเก็บขยะติดเชื้อ คนทำความสะอาดพ่นแอลกอฮอล์ กู้ภัย หน่วยห้องฉุกเฉินที่อาจจะได้รับผู้ป่วยโควิดโดยไม่รู้ตัว พระสามเณร สัปเหร่อ และคนที่อยู่ในวัดที่มีการเผาศพโควิด ฯลฯ
3. เพิ่มข้อกำหนดให้บุคลากรทางการแพทย์ และกลุ่มเปราะบางที่ได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้ากระตุ้นเป็นเข็มที่3 หรือ ได้รับวัคซีนสูตรผสมซิโนแวค + แอสตร้าเซเนก้า แล้ว สามารถโอนสิทธิ์การฉีดไฟเซอร์ให้กับบุคคลในครอบครัวที่ยังไม่ได้รับวัคซีน หรือได้รับวัคซีนเพียงเข็มเดียว เพื่อขวัญและกำลังใจให้ด่านหน้าในการต่อสู้กับโรคระบาด และเพื่อให้มี “ความโปร่งใส” ในการกระจายวัคซีน ทั้งนี้จะได้ลบข้อครหาของการกระตุ้นภูมิด้วยแอสตร้าเซเนก้าของด่านหน้าก่อนหน้านี้ด้วย

4. ยกเลิกการสำรองวัคซีน 40,000 โดสเพื่อต่อต้านการระบาด 5,000 โดสสำหรับงานวิจัย และเปิดเผยข้อมูลให้โปร่งใสในโควต้า 150,000 โดสสำหรับชาวต่างชาติ” โดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ” เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉินในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องกระจายวัคซีนที่มีคุณภาพให้ทั่วถึงกลุ่มด่านหน้าและครอบครัว รวมถึงกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงในการเสียชีวิตเมื่อติดโควิด

5. เปิดเผยรายชื่อผู้ที่ได้รับวัคซีนไฟเซอร์อย่างโปร่งใส “ทุกคน” เพื่อไม่ให้เกิดข้อกังขาในสังคม 6.พิจารณาทบทวนอีกครั้งกับการกำหนดสูตรการฉีดวัคซีนผสมสูตร ซิโนแวค+แอสตร้าเซเนก้า ที่กำหนดให้กับบุคคลทั่วไปทุกคน โดยต้องให้ประชาชนมีสิทธิ์ตัดสินใจเลือกยี่ห้อวัคซีนเอง เนื่องจากการฉีดวัคซีนสูตรนี้จะลดโอกาส หรือมีความเสี่ยงสูงขึ้นหากต้องได้รับmRNAวัคซีนในอนาคต เพื่อต่อต้านไวรัสกลายพันธุ์ เนื่องจากยังไม่มีงานวิจัยที่มากพอในการผสมวัคซีน 3 ชนิด

7. นำเข้า mRNA Vaccine เข้ามาฉีดให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด ด่วนที่สุด มากที่สุด และกรุณาชะลอการสั่งวัคซีนเชื้อตายเข้ามาเป็นจำนวนมาก เพราะจากสถิติและการวิจัยทั่วโลกชี้ให้เห็นประสิทธิภาพที่ดีกว่าของmRNAvaccine ในการต้านเชื้อสายกลายพันธุ์เดลต้า เพื่อหยุดวงจรโรคระบาดซึ่งส่งผลในเศรษฐกิจอย่างรุนแรง

8. ตรวจสอบเอกสารรายชื่อ “ตำรวจ” ที่ได้จัดสรรวัคซีนกระตุ้นเป็นเข็มที่3 ที่ได้แนบมาพร้อมจดหมายฉบับนี้ ว่ามีความโปร่งใส เพียงใดจึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา
พ.ญ.ของขวัญ ฟูจิตนิรันดร์ ประชาชนไทย